ทฤษฎีที่ 1
ตำนานสิงหนวัติกุมารกล่าวว่าต้นวงศ์ของพระเจ้าอู่ทองเดิมอยู่ที่เวียงโยนกเชียงแสนต่อมาพระเจ้าพรหมผู้สืบราชวงศ์จากสิงหนวัติกุมารได้แยกมาสร้างเมืองใหม่แถบเมืองเชียงรายคือเวียงไชยปราการกษัตริย์เวียงไชยปราการองค์สืบมาถูกมหาราชเมืองสุธรรมวดีเมงรุกรานจึงถอยร่นลงมาอยู่แถบบริเวณจังหวัดกำแพงเพชรในที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงสืบต่อมาอีกหลายชั่วอายุคนถึงสมเด็จพระเจ้าอู่ทองจึงมาสร้างกรุงศรีอยุธยา
เชื่อกันว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นชามาดา(ลูกเขย) เจ้าเมืองสุพรรณบุรีเป็นเชื้อสายของเจ้าชายไชยศิริแห่งเมืองเชียงรายซึ่งอพยพถอยร่นมาจากเมืองเหนือจนมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองอู่ทองจ.สุพรรณบุรีหรือเมืองนครไชยศรีจ.นครปฐมต่อมาได้อพยพหนีโรคห่ามาตั้งนครหลวงใหม่ที่เมืองอโยธยาในปีพ.ศ.1890
ทฤษฎีที่ 2
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตพ.ศ. 2182 และคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวถึงการอพยพของบรรพบุรุษของพระเจ้าอู่ทองจากที่อื่นแล้วมาตั้งเมืองอยู่ที่เพชรบุรีและในที่สุดก็ย้ายมาที่หนองโสน
ทฤษฎีที่ 3
เชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองลพบุรี (เจ้าของทฤษฎีคือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
หลักฐานที่กล่าวถึงเรื่องนี้คือชินกาลมาลีปกรณ์และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
George Coedesและ O.W. Wolters เห็นว่าพระเจ้าอู่ทองอาจมีเชื้อสายมาจากเมืองลพบุรีซึ่งเคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของเขมร
เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีทรงโปรดฯให้พระราเมศวรราชโอรสไปครองเมืองลพบุรีในฐานะเมืองลูกหลวงนอกจากนี้ในจดหมายเหตุจีนยังเรียกกรุงศรีอยุธยาเมื่อแรกสถาปนาว่า“หลอหู”อันเป็นชื่อเดียวกับที่จีนเคยใช้เรียกเมืองลพบุรีมาก่อน
ส่วนทฤษฎีที่กล่าวว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากเมืองอู่ทองนั้นปัจจุบันความคิดดังกล่าวได้ถูกล้มเลิกไปแล้วเนื่องจากผลการขุดค้นและขุดแต่งเมืองเก่าอู่ทองปรากฏว่าเมืองนี้ได้ถูกทิ้งร้างไปก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะมาสร้างกรุงศรีอยุธยาร่วมสองร้อยปีโดยไม่มีร่องรอยการอยู่อาศัยหลังสมัยทวารวดีหรือตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ยังมีผู้เสนอข้อคิดอื่นๆอีกเช่นดร. ชาญวิทย์เกษตรศิริเสนอว่าพระเจ้าอู่ทองน่าจะมีเชื้อสายจีนข้อเสนอทั้งหมดเป็นเพียงการสันนิษฐานเรายังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากไหน
เชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองลพบุรี (เจ้าของทฤษฎีคือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
หลักฐานที่กล่าวถึงเรื่องนี้คือชินกาลมาลีปกรณ์และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น